Thursday, August 27, 2009

Integlumentary system 2


ระบบห่อหุ้มร่างกาย ประกอบด้วยเนื้อเยื่อผิวหนัง ผม ขน เล็บ ต่อมน้ำนม ต่อมเหงื่อ และระบบประสาทที่ผิวหนัง มีรายละเอียดดังนี้คือ ผิวหนัง(Cutaneous Membrane หรือ Skin) ทำหน้าที่ห่อหุ้มร่างกายมีพื้นที่ประมาณ 1.17 - 1.95 ตารางเมตร หนักประมาณ 3 กิโลกรัม ใช้เลือดหล่อเลี้ยงประมาณ 1 ใน 3 ของเลือดในร่างกาย เมื่อเราเจริญเติบโตขึ้นผิวหนังจะเจริญขึ้นตามตัว ผิวหนังของเรามีลักษณะยืดหยุ่นแต่เมื่อเราแก่ตัวลงผิวหนังจะคลายความยืดหยุ่นลง ผิวหนังประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชั้นคือ 1. เอพิเดอมิส (Epidermis) หรือหนังกำพร้า เป็นชั้นที่อยู่นอกสุดของผิวหนังประกอบด้วยเนื้อเยื่อบุผิว มีลักษณะบางมากประมาณ 0.04 - 1.6 มม. ประกอบด้วยเซลล์รูปร่างแบน ๆ หนังกำพร้าส่วนที่ไม่มีเส้นเลือดผ่านเป็นส่วนของเซลล์ที่เกือบจะตายแล้วมีเลือดมาเลี้ยงน้อยมาก บางตำแหน่งของหนังกำพร้าจะมีชั้นของเซลล์หนามากได้แก่ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางตำแหน่งบางมากได้แก่ หนังตา ชั้นที่ลึกที่สุดของหนังกำพร้าจะทำหน้าที่สร้างเม็ดสี (Pigment)ได้แก่ เมลานีน (Malanin) ทำให้ร่างกายมีผิวสีดำหรือขาว คนผิวคล้ำจะมีเมลานีนมาก คนผิวขาวจะมีเมลานีนน้อย เมื่อร่างกายถูก แดดจัด ๆ จะสร้างเมลานีนมากขึ้น ทำให้ผิวหนังเกรียมหรือมีสีน้ำตาล เซลล์ชั้นบนสุดจะเป็นเซลล์ที่ตายแล้วและลอกหลุดเป็นขี้ไคล และเซลล์ข้างล่างจะสร้างเพิ่มขึ้นมาแทนที่อยู่เสมอ 2. เดอมิส (Dermis) หรือหนังแท้ หนากว่าชั้นเอพิเดอมิสถึง 15-40 เท่า ประกอบด้วยเส้นใยของเนื้อเยื่อ เซลล์ไขมัน เส้นเลือดฝอย ท่อน้ำเหลือง อวัยวะรับความรู้สึก เส้นประสาท ต่อมเหงื่อ ต่อมน้ำมัน และเส้นขนจำนวนมาก ถ้าถูกมีดบาดถึงชั้น เดอมิสจึงจะทำให้เลือดไหล ใต้ผิวหนังแท้ลงไปจะมีเซลล์สำหรับเก็บสะสมไขมันอยู่มาก มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันประสานกันหลวม ๆ ชั้นนี้ยังนับเป็นส่วนหนึ่งของ หนังแท้ ถัดจากชั้นเดอมิสจะเป็นชั้นไขมันซึ่งใช้ประโยชน์ คือ เป็นเกราะป้องกันความสะเทือน เมื่อเรามีอายุมากขึ้นชั้นไขมันจะยุบตัวลงหายไป ส่งผลให้ร่างกายมีผิวหนังเหี่ยวย่น ดังนั้นคนสูงอายุที่ผอมร่างกายจะเหี่ยวย่นมากกว่าคนสูงอายุที่มีร่างกายอ้วนท้วน ปัจจุบันมีการฉีดสารไกลโคเจนเข้าใต้ผิวหนังเพื่อให้ผิวหนังหายเหี่ยวย่น สารไกลโคเจนนี้นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์มาจากสารธรรมชาติ แต่ผิวหนังที่ฉีดสารไกลโคเจนเข้าไปจะคงสภาพอยู่ได้เพียง 5 - 6 เดือนเท่านั้น เพราะสารไกลโคเจนจะสูญสลายไป การที่นำสารเข้าสู่ร่างกาย แม้จะเป็นสารธรรมชาติอาจทำให้ร่างกายแพ้เกิดอันตรายได้ ลายนิ้วมือของคนซึ่งมีลักษณะเป็นร่องจะมีลักษณะแตกต่างกัน ทุกคนที่เกิดมาไม่มีลายนิ้วมือซ้ำกันเลย เพราะเป็นแบบของ หนังแท้ที่อยู่ในชั้นเดอมิส แม้ผิวหนังถูกทำลายแต่ลายนิ้วมือจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ประโยชน์ของลายนิ้วมือคน คือ ใช้พิสูจน์บุคคลได้ ในปัจจุบันนำมาใช้แทนบัตรคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้การพิมพ์ลายนิ้วมือแทน เรียกว่า Smart Card ผมและขน เกิดจากเซลล์ในชั้นเอพิเดอมิสเจริญไปถึงชั้นเดอมิส มีลักษณะเป็นถุงเซลล์ที่ก้นถุงจะมีการแบ่งเซลล์ เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นจะตายตั้งแต่อยู่ในถุงซึ่งจะถูกดันขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยเซลล์ที่เกิดใหม่ ผมและขนจึงเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว ลักษณะของเส้นผมจะเหยียด ตรงหรือหยิกขึ้นอยู่กับรูปร่าง ลักษณะของต่อมรากผม ต่อมรากผมจะสร้างเมลานีนสีแดง ดำ ซึ่งทำให้เส้นผมคนเรามีสีต่างๆ กันตาม ปริมาณเมลานีนที่ต่อมรากผมสร้างขึ้น โดยปกติแล้วผมของคนเราจะยาวประมาณสัปดาห์ละ 2 มม. เมื่อผมงอกออกมาพ้นผิวหนัง จะตาย ดังนั้นเมื่อเราตัดผมเราจึงไม่รู้สึกเจ็บ แต่ถ้าเราดึงผมและขนจะรู้สึกเจ็บเพราะก้นถุงอยู่ติดกับประสาทที่ผิวหนัง ผมและขน จะดกหรือไม่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของคน เล็บ เล็บมือจะงอกประมาณ .05 มม. ต่อ 1 สัปดาห์ เล็บก็เช่นเดียวกับผมคือ ประกอบด้วยเซลล์ที่ตายแล้วและมีโปรตีนชนิดหนึ่ง เรียกว่า เคราติน (Keratin) ที่โคนเล็บจะมีรอยสีขาวเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นส่วนเล็บที่ติดกับผิวหนังใต้เล็บอย่างหลวม ๆ จมูกเล็บเป็นที่หนังกำพร้าปกคลุมโคนเล็บในตำแหน่งที่เล็บงอกออกมา ร่องระหว่างเล็บกับผิวหนังจะเป็นด่านแรกที่ป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย เล็บจึงมักสกปรกเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละอองต่าง ๆ เราต้องทำความสะอาดด้วยความระมัดระวังไม่ให้เนื้อบริเวณจมูกเล็บฉีกขาด และไม่ควรตัดหนังที่ข้างจมูกเล็บออก เล็บที่เป็นเงางามสีชมพูเป็นข้อบ่งชี้ของคนมีสุขภาพดีได้อย่างหนึ่ง ต่อมน้ำมัน (Sebaceous Gland) ต่อมน้ำมันเป็นเซลล์ที่เปลี่ยนรูปร่าง ทำหน้าที่ขับสารบางอย่างออกมาจากเซลล์ต่อมน้ำมันหรือต่อมไขมันประกอบด้วยเซลล์ หลายเซลล์มารวมกัน ประกอบด้วยถุง (Sac) และมีท่อเปิดไปสู่ผิวหนังของรูขน ต่อมน้ำมันอยู่ในชั้นผิวหนังแท้ทำหน้าที่ปกคลุม ผิวหนังให้อ่อนนุ่ม ชุ่มมัน คนที่ผิวหนังมัน ผิวหนังมักจะเหี่ยวแห้งช้า แต่ถ้ามีที่ใบหน้ามากเกินไปทำให้ติดเชื้อโรคและเป็นสิวง่าย ต่อมเหงื่อ (Sweat Gland) ต่อมเหงื่อประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์มารวมกัน ประกอบด้วยถุงและท่อเหงื่อ (Sweat Duct) ซึ่งเปิดออกที่ผิวหนังต่อมเหงื่อประกอบด้วยน้ำ เกลือแร่ และยูเรีย ต่อมเหงื่อมีมากที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เหงื่อมักออกขณะอากาศร้อนอบอ้วน เมื่อเหงื่อออกและ ลมพัดจะเกิดการระเหยของเหงื่อที่ผิวกายจึงทำให้ร่างกายเย็นสบาย ในร่างกายมีต่อมเหงื่อประมาณ 2 ล้านต่อม และเหงื่อจะออกมามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศูนย์ควบคุมอุณหภูมิที่สมอง ระบบประสาทที่ผิวหนัง (The Cutaneous Sense) ระบบประสาทจะกระจายอยู่เป็นจุดๆ จุดเหล่านี้จะมีความรู้สึกเฉพาะต่อสิ่งที่มาสัมผัสคือ ความรู้สึกร้อน เย็น ความเจ็บปวด ความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านี้จะมีปริมาณไม่เท่ากัน คือความรู้สึกเจ็บมากที่สุด ความรู้สึกสัมผัสรองลงมา ความรู้สึกเย็นมากเป็นลำดับสาม ส่วนความรู้สึกร้อนจะน้อยที่สุด เนิ้อที่ผิวหนัง 1 ตารางเซนติเมตร ประกอบด้วยขน 1 เส้น ต่อมน้ำมัน 15 ต่อม เซลล์ 3 ล้านเซลล์ หลอดเลือดยาว 272 เซนติเมตร ต่อมเหงื่อ 100 ต่อม เส้นประสาทยาว 360 เซนติเมตร เซลล์รับความรู้สึกที่ปลายประสาท 3,000 เซลล์ ปลายประสาทรับแรงกด 25 อัน ปลายประสาท รับความรู้สึกเจ็บปวด 200 อัน ปลายประสาทรับความเย็น 2 อัน ปลายประสาทรับความรู้สึกร้อน 12 อัน การบำรุงรักษาระบบห่อหุ้มร่างกาย ระบบห่อหุ้มร่างกายมีความสำคัญและสะท้อนถึงสุขภาพในร่างกาย ถ้าร่างกายมีสุขภาพดีจะส่งผลให้ผิวพรรณดีไปด้วย แม้โดย พื้นฐานเรามีผิวพรรณดีอยู่แล้ว แต่ยังมีความจำเป็นต้องบำรุงรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพง ๆ วิธีการบำรุงรักษาผิวพรรณ คือ 1. ชำระล้างร่างกาย และคราบสบู่ให้สะอาด และใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขัดขี้ไคลจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี 2. ผิวหนังส่วนใดที่แห้ง เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือจุดรับน้ำหนัก เช่น หัวเข่า ข้อศอก ควรเอาใจใส่ขัด นวดด้วยครีม หรือน้ำมัน 3. ใบหน้าที่เป็นสิวง่ายให้รักษาความสะอาด ไม่ควรบีบ แกะ รับประทานอาหารที่ไม่มันจัด หวานจัด รักษาระบบขับถ่ายให้ ถ่ายเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่พอเพียง 4. เสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน รองเท้า ถุงเท้า ควรทำความสะอาดเป็นประจำสม่ำเสมอ 5. ถ้าเป็นโรคผิวหนัง ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษา 6. ควรรับประทานอาหารรสไม่จัด ไม่ควรดื่มน้ำหวาน น้ำชา กาแฟ ควรรับประทานผัก ผลไม้ และอาหารให้ครบ 5 หมู่ 7. ไม่ควรถูกแดดจัดนาน ๆ ผู้ที่ทำงานในที่ร่มควรให้ร่างกายได้รับแสงแดดในช่วงเช้าบ้าง 8. ควรแปรงผมเป็นประจำทำให้ผมเป็นเงางาม ถ้าผมร่วงมากอาจเกิดจากโรคหรือความเครียดให้ปรึกษาแพทย์

No comments:

Post a Comment